ใช้ระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนดีอย่างไร “Eletric Vehicle (EV)”

Electric Vehicle หรือ EV ยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน แทนการใช้เครื่องยนต์ที่ผ่านระบบการเผาไหม้ ความแปลกใหม่ที่น่าสนใจ กำลังเข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกที รับรองว่าได้เห็นกันเร็วๆ นี้แน่นอน กับรถที่ใช้กำลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV) ที่เป็นมิตรต่อโลก ที่คาดว่าราคาจะถูกลงกว่ารถทั่วไปที่ใช้น้ำมันเป็นเท่าตัว และจะช่วยให้คุณเซฟค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋าอีกด้วย

 
มาดูกันว่า รถยนต์ระบบไฟฟ้า (EV) มีดีอย่างไรบ้าง

 

1. ไม่ต้องใช้น้ำมัน : สบายกระเป๋าไม่เปลืองเงิน ถึงแม้ว่า ราคารถ EV ในบ้านเราตอนนี้จะมีราคาสูงแต่เชื่อว่าจะถูกลงแน่นอน ในภายภาคหน้า

2. รักษาสิ่งแวดล้อม : ไม่พ่นควันดำควันที่เป็นไอเสีย หรือสิ่งแปลกปลอมทำลายสิ่งแวดล้อม ให้ระบบการขับขี่ที่สะอาดไร้มลพิษ

 

3. ทำความเร็วได้ : ส่งกำลังการขับเคลื่อนได้อย่างนิ่มนวล ด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ และ EV สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วเท่ากับรถยนต์ธรรมดา กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และแรงบิดที่สูง 360 นิวตันเมตร

 

4. ไร้เสียงรบกวน : เงียบตัดเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ที่เข้ามาภายในห้องโดยสาร และช่วยกำจัดความร้อนภายในห้องเครื่องได้เป็นอย่างดี เพราะว่าใช้แบตเตอรี่แทนเครื่องยนต์เผาไหม้

 

5. ใช้งานทางไกล : หมดห่วงสำหรับใครที่คิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เดินทางไกลไม่ได้ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าบางค่ายก็สามารถเดินทางได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร เปรียบง่ายๆ จากกรุงเทพวิ่งไปได้ไกลถึงนครสวรรค์เลยทีเดียว (แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ของแบตเตอรี่ด้วย) ถ้ามีแบตเตอรี่ที่กำลังวัตต์สูงก็สามารถเพิ่มระยะในการเดินทางได้

 

6. อายุการใช้งานแบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ 1 ลูก จะมีอายุการใช้งานต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการชาร์จ ซึ่งอายุการใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 7,000-10,000 ครั้งต่อการชาร์จ หรือราวๆ ประมาณ 5 ปี แค่นี้ถ้าคิดเป็นค่าน้ำมันที่เราต้องเสียไปในแต่ละอาทิตย์ที่ใช้รถ ยังไงก็คุ้มค่า สบายกระเป๋าเป็น 2 เท่าแน่นอน และอนาคตอันใกล้ คาดไว้ว่าจะมีสถานบริการเติมแบตไฟฟ้าผุดขึ้นมาอีกเพียบ ประหยัด สะดวกสบายหายห่วงแน่นอน

 

7.ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้า : ลองมาคำนวนระยะเวลาในการชาร์จเล่นๆจะกินเวลาคร่าวๆ ชาร์จแบบเร็วจะอยู่ที่ 30 นาที – 3 ชั่วโมง แบบช้าจะอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมง (แล้วแต่ขนาดของแบตเตอรี่แต่ละก้อนและขนาดวัตต์ของกระแสไฟฟ้า) แต่มันน่าตกใจตรงที่ค่าไฟ ดันถูกม๊ากกก ตกแล้ว 8 ชั่วโมง เทียบกับไฟบ้าน ก็อยู่ที่ 25 บาท เท่านั้นเอง

 

8. จุดบริการชาร์จไฟ : หมดห่วงสำหรับสถานีชาร์จไฟแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าในการขับขี่ระยะทางไกล เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ได้จับมือร่วมกัน กับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ประชุมหารือเรื่องการขยายจุดสถานีชาร์จไฟฟ้าแล้วกว่า 1,000 จุด ทั่วประเทศไทย และสามารถรองรับ ปลั๊กอินได้หลายรุ่น ที่เห็นตามปั้มตราหยดน้ำขนาดใหญ่ๆ ต่างๆ กับ จุดเขียวๆ EV Station ที่คอยให้บริการสำหรับรถไฟฟ้า โดยคิดอัตราค่าบริการตอนกลางวันราคา 6 บาท/หน่วย ตอนกลางคืน 2.6 บาท/หน่วย ถูกมาก
และที่สำคัญเทคโลโนยีแอปพลิเคชั่นได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่่อค้นหาจุดชาร์จในแต่ละพื้นที่ และจองเวลาในการเข้าชาร์จได้อีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการพัฒนาระบบการใช้งาน และเพิ่มสถานีชาร์จเพื่อรองรับรถยนต์ระบบไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาเปิดตลาดในประเทศ เพื่อให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทั้งประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน